ขยายในย่อหน้าถัดไป เช่น
ชีวิตสมมติ คือ ชีวิตในสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งมนุษย์แต่ละกลุ่มกำหนดแบบอย่างของกลุ่มตน ให้แตกต่างจากกลุ่มอื่น
แต่สังคมและวัฒนธรรม กำหนดวัตถุสมมติด้วยการทำสิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้ ที่เกิดได้จากความสามารถคิดประดิษฐ์ และความรู้ความเข้าใจวิทยาการเกี่ยวกับธรรมชาติ เท่าที่บุคคลในกลุ่มนั้นจะคิดและเข้าใจได้
สิ่งของเครื่องใช้เหล่านี้ เมื่อมีขึ้นแล้วก็ทำเลียนแบบต่อๆไป ใช้กันจนเป็นลักษณะอย่างหนึ่งประกอบการดำรงชีวิตของกลุ่ม พอเห็นสิ่งของเครื่องใช้ก็บอกได้ว่ากลุ่มใดเป็นเจ้าของ
เพราะฉะนั้น เห็นอุปกรณ์เครื่องครัวที่ใช้ทำน้ำพริก ก็พอเห็นได้ว่ากลุ่มไทยเป็นเจ้าของ เห็นหมวกทรงงอบ ก็ทายได้ว่ามาจากกลุ่มวัฒนธรรมไหน
ขยายเพื่อสร้างภาพ
ภาษาไทยมีถ้อยคำเป็นจำนวนมาก ที่ท้าทายให้ผู้ใฝ่ศึกษาได้ลิ้มลองและสัมผัส ด้วยถ้อยคำเหล่านั้นดูเหมือนจะมีชีวิตโลกเล่นได้หลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นการเร้าอารมณ์ ปลุกสำนึก สร้างจินตนาการ สามารถได้กลิ่น มีรสเฉกสัมผัสด้วยลิ้น วาบหวิวนุ่มละมุน เสียวสะท้าน หรือออกดุดัน แข็งกร้าว...
ถ้อยคำดังกล่าวจะมีชีวิต ก็ต่อเมื่อได้ผู้รจนาที่มีศิลปะ สามารถหยิบยกถ้อยคำมาบรรจงร้อยเรียงไว้ในบริบทที่เหมาะควร กอปรไปด้วยความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกลมกลืน ที่จะส่งผลให้ผู้อ่าน แลเห็นภาพได้อย่างปะติดปะต่อกัน
ในบางคราวอาจใช้คำกิริยาโดดๆ แต่ในบางครั้งก็มุ่งเน้น โดยเพิ่มส่วนขยายขึ้นมา ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ตามจุดประสงค์ของผู้เขียนว่า ต้องการภาพอย่างไรให้เกิดขึ้นกับผู้อ่าน
คำหลัก “เสียง” อาจใช้คำขยายประกอบได้มาก เช่น
ครืดคราด เจื้อยแจ้ว เงียบกริบ ห้าว กู่ร้อง หนักอึ้ง คุ้นหู ดุแต่แผ่วเบา สั่นเครือ ระรวยริน กระเส่า บ่นพึมพำ สั่นพร่า อึงอล หวีดหวิว เอะอะ โวยวาย แผ่ว ดังถี่ เบาหวิว เคว้งคว้าง ออดแอด อู้อี้ กรูเกรียว เย้ายวน หลอกล่อ ถี่กระชั้น ร้องบาดหู หวนละห้อย ถากถาง เอ็ดอึง กึกก้อง โกลาหล เฉียบขาด เครียด โครมคราม พังครืน จอแจ กระซิบ คำรามหึ่มๆ แตรรถห้าวๆ ขึงขัง ลึกในลำคอ หนักหน่วง กึ่งกระแอม หนักแน่น แหบๆ แอดๆ เกรี้ยวกราด อึงคะนึง ครืนครัน โฉ่งฉ่าง เป็นต้น
คำหลัก “นั่ง” อาจมีลักษณะอาการประกอบคำที่ขยาย เช่น
ชันเข่า กอดเข่า จุมปุก ยองๆ ยอบกาย ตรงแนว หมกตัว ซุกกตัว หมอบราบ คุดคู้ ทรุดหมอบ ย่อกาย เชิดหน้า ยืดอก คอตก เป็นต้น
คำหลัก “เดิน” คำประกอบกิริยาอาการ เป็นต้นว่า
งกเงิ่น ดุ่ม ดุ่ม ท่อมๆ โผเผ เก้ๆ กังๆ ก้าวดุ่มๆ เรื่อยเปื่อย คลานโย้เย้ โขยกเขยก เดินค้อมหลัง งกๆ เงิ่นๆ ทอดน่องเอื่อยๆ แกว่งแขน ยืดไหล่ผึ่งผาย ตัวเอียงไปข้างหน้า เดินค้อมหัวไปข้างหน้า...
คำหลัก “พูด” มีประกอบลักษณะขยาย เช่น
พูดยิ้มแย้ม เซ้าซี้ ตัดพ้อ อ้อนวอน อุทานเสียงเครือ อ้อมแอ้ม ตัดบท รบเร้า ตะคอก ค้านขึ้น เปรียบเปรย ละล่ำละลัก กระแทกกระทั้น สะบัดเสียง ถากถาง แผ่วเบา แคะได้ เล่นลิ้น ฉอเลาะ ทักทาย เป็นตัน
คำหลัก “ร่าง” มีคำขยายประกอบ เช่น
กำยำล่ำสัน กำยำสูงใหญ่ สูงชะลูด สันทัด ชายร่างอ้วนกลม ร่างผอม เกร็ง อ้วนทึบ อ้วนพลุ้ย อ้วนล่ำ บึกบึน เป็นต้น
คำหลัก “หน้า” หรืออากัปกิริยา ที่แสดงออกทางหน้าตา มีคำประกอบขยายให้เห็นภาพมาก เช่น ฉงนฉงาย เคร่งขรึม ซีดพิกล ใบหน้าเย็นชา เผือดสลด ชมดชม้อย ขาวเหลือง ตกกระ เหี่ยวย่น เปล่งปลั่ง สวยผ่องผุดผาด ซีดขาว ขาวเผือด เป็นต้น
คำหลัก “รูปหน้า” มีคำขยายประกอบ เช่น รูปไข่, กลม, สี่เหลี่ยม, ยาว, แหลม, หน้ากระดูก, หน้าอูม, หน้าเหี่ยวย่น, มีสิวฝ้า เป็นต้น
คำหลัก “ตา” มีคำขยายประกอบ เช่น
กลมแต่ลึก เหี่ยวแห้ง ตาที่พร่าเลือน ถลึงตา ละห้อย เล็กหรี่ จับจ้อง จ้องหน้าเขม็ง แววตาหม่นโรย ดวงตาเบิกกว้าง ตาตื่นๆ เบิกโพลง เป็นต้น
คำหลัก “มือ” มีคำขยายประกอบ เช่น
หยาบกร้าน กำเกร็ง หยาบย่น บวมฉุ ที่กร้านเกร็ง มือที่เหยียบเย็น อวบอูม ขาวเนียน เหี่ยวย่น งองุ้ม เป็นต้น
คำหลัก “ศีรษะ” มีคำขยายประกอบ เช่น
โต เล็ก กลม ทุย โหนก เบี้ยว แหลม หลิม หัวล้าน (บอกรายละเอียดว่าล้านตรงไหน) เป็นต้น
คำหลัก “ผม” มีคำขยายประกอบ เช่น
หงอกประกาย หนา บาง ดัด หยิกสลวย หรือธรรมชาติ ใช้ผมปลอม ผมย้อม หวีผมทรงอะไร ลักษณะใด เป็นต้น
ตัวอย่างข้างต้น เป็นเพียงคำหลักบางคำเท่านั้น ยังมีคำหลัก ซึ่งเป็นกิริยาอาการของมนุษย์ สัตว์ ตลอดจนลักษณะอวัยวะ รูปร่าง ในส่วนต่างๆ อีกมาก ผู้ใคร่รู้อาจศึกษาและเก็บรายละเอียดได้ จากอากัปกิริยาตัวละครในเรื่องสั้น นวนิยาย หรือสารคดี ที่มีอยู่ดาษดื่นในปัจจุบัน แม้ในการพรรณนาธรรมชาติ การสร้างบุคลาธิษฐานก็จะพบได้ไม่ยาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น